ช่วงนี้ไว้ใจฟ้าฝนไม่ค่อยได้ กลางวันแดดร้อนเปรี้ยงอยู่ดีๆ อีกแป๊บเดียวนี่เมฆครึ้ม ฝนเทลงมาเลย งานนี้นักบิดสองล้ออย่างเราคงต้องเตรียมพร้อมกับการขับขี่กันให้ดี เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และไม่ต้องคอยพักแอบใต้สะพานในวันฝนเท
1. หมวกกันน็อคแบบเต็มใบปิดหน้า นักบิดหลายคนชอบที่จะใส่หมวกกันน็อคแบบครึ่งใบ อาจจะด้วยเพราะอากาศบ้านเราที่ค่อนข้างร้อนเยี่ยงจุดเดือด แต่ถ้าช่วงหน้าฝน ที่อยู่ๆ ฝนก็เทลงมาแบบไม่มีปี่มีขุ่ยแบบนี้ หมวกกันน็อคแบบเต็มใบอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อป้องกันทั้งลมและเม็ดฝนพุ่งปะทะหน้า ขัดขวางวิสัยทัศน์ในการขับขี่จนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
2. ชุดกันฝนสีสะท้อนแสง นอกจากชุดกันฝนจะช่วยไม่ให้นักบิดอย่างเราเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแล้ว ยังช่วยป้องกันดินโคลนที่อาจจะกระเด็นใส่เสื้อผ้าของเราได้อีกด้วย อีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญ คือเราควรเลือกสีของเสื้อกันฝนในโทนสว่างเพื่อให้ผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ มองเห็นได้ หรือถ้าใครทำงานออฟฟิศ เราแนะนำอีกนิดว่าให้ใส่ชุดลำลองตอนที่เดินทางและค่อยไปเปลี่ยนชุดทำงานที่ออฟฟิศเลยจะดีกว่า
3. เอกสารสำคัญ อย่าให้ห่างตัว หลายเคสเจอปัญหาของการเอกสารไม่เจอเมื่อเจอด่านตรวจ ไม่ว่าจะเป็นตัวรถหรือป้ายทะเบียน อันนี้เราขอให้เก็บไว้ให้ดี พร้อมใช้งาน เพราะถ้าเปียกฝนหรือสูญหายขึ้นมา ระวังงานจะเข้าโดยไม่รู้ตัว ถ้าหายหรือชำรุดแนะนำรีบไปทำใหม่ เพื่อความสบายใจในการขับขี่
4. คำนวณระยะเบรกให้ดี ถนนลื่นกับฝนตกก็เป็นของคู่กัน ถนนที่ลื่นอาจทำให้เราต้องเผื่อระยะเบรกให้มากกว่าปกติ ใช้ความเร็วที่พอเหมาะเพื่อป้องกันการลื่นไถลจากการเบรกแบบกระชั้นชิด และอย่าลืมตรวจเช็คระบบเบรกให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เอง
5. ดอกยาง…ระวังอย่าให้เสื่อม เมื่อยางเสื่อมสภาพแถมมีดอกยางเหลือน้อย มันคงไม่เป็นผลดีต่อการขับขี่แน่นอน ก็เหมือนกับใส่รองเท้าแตะที่ไม่มีดอกยางเดิน เสี่ยงล้มหัวฟาดกันพื้นกันมาหลายครั้ง เพราะฉะนั้นควรที่จะตรวจเช็คสภาพยาง รวมถึงดอกยางและแรงดันลมยางทุกครั้งก่อนขับขี่
ถึงรักที่จะขับขี่มอเตอร์ไซค์และกล้าเปียกแค่ไหน ก็อย่าลืมว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายนิดเดียว โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน อย่าลืมมีสติ ขับขี่ให้ช้าลง และระมัดระวังสิ่งกีดขวาง เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและผู้อื่น